Honda CB650F ABS รีวิวการขับขี่

สำหรับปี 2014 นี้นั้นทาง Honda ก็ได้เปิดตัวมอเตอร์ไซค์ที่ราคาไม่แพง ดูดี กำลังปานกลางกับตัวใหม่อย่าง CB650F ABS พร้อมกับมอเตอร์ไซค์ในกลุ่ม NC750 เพื่อเปิดไลน์มอเตอร์ไซค์ในกลุ่มนี้มากขึ้น ทำให้ตอนนี้ Honda แทบจะมีมอเตอร์ไซค์ที่ครอบคลุมนักบิดในทุกกลุ่มสำหรับมอเตอร์ไซค์แนวเนคเก็ตที่เป็น street bike

เครื่องยนต์สี่สูบนี้ถือเป็นขุมกำลังหลักของมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่ๆ อย่างกลุ่ม NC ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 649cc ที่ให้กำลังขับที่ไหลลื่นจากรอบต่ำ พร้อมให้กราฟแรงบิดที่เต็มเปี่ยม

นอกจากอาการสั่นเล็กน้อยบริเวณแฮนด์บริเวณที่วางเท้าแล้วละก็แทบจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นมากมายที่รอบต่ำกว่า 7,000 แต่เมื่อคุณบิดคันเร่งผ่านจุดนั้นมา อัตราเร่งก็ออกมาอย่างน่าทึ่ง แต่ก็นั่นแหละครับเรายังพบว่าการตอบสนองต่อการปิดเปิดระบบการจ่ายน้ำมันนั้นเหมือนจะแข็งๆไปนิด คือเหมือนจะยากในการที่บิดคันเร่งให้ออกจากโค้งได้อย่างนุ่มนวลเท่าที่ควรจะเป็น

CB650F ABS Review

รูปร่างหน้าตา

มอเตอร์ไซค์ 2014 Honda CB650F คันนี้ผลิตในประเทศไทย แต่เรื่องคุณภาพนั้นก็เป็นไปตามมาตรฐานญี่ปุ่นทุกกระเบียดนิ้ว มอเตอร์ไซค์คันนี้ดูหล่อเหล่าจากทั้งระยะไกลและระยะใกล้ อุปกรณ์ทุกชิ้นคุณภาพดีดูเนี้ยบซึ่งไม่เหมือนชิ้นส่วนราคาถูกๆที่ปรากฏในมอเตอร์ไซค์ยี่ห้อฮอนด้าในช่วงหลังๆ

ส่วนสีสรรก็ไม่เลวสำหรับการทำแนวสามสี ซึ่งก็ย่อมดีกว่าสีที่น่าเบื่ออย่างเทาๆ หรือเหลืองๆ หรือออกแนวแดงๆ มอเตอร์ไซค์คันนี้จะมีสีแดง ขาว และ น้ำเงิน ซึงก็เหมือนจะดูดีที่สุด

ท่อไอเสียทั้งสี่นั้นดัดโค้งสวยงามและมาพร้อมสีที่ดูดี ให้ความรู้สึกแนวออกวินเทจหน่อยๆ เสียอย่างเดียวว่ามาจบกับท่อรวมที่น่าจะดูคลาสสิคกว่านี้ตรงด้านล่างของเครื่องยนต์

มอเตอร์ไซค์ CB650F คันนี้ดูเหมือนจะเล็กลงถนัดหลังจากขึ้นคร่อมแม้เบาะนั่งจะสูงถึง 31.8 นิ้วก็ตาม แผงหน้าปัทว์นั้นก็อ่านค่าได้ง่าย แต่เราหาค่าอุณหภูมิเครื่องยนต์ไม่เจอ หรือแม้แต่ตำแหน่งเกียร์ น่าเสียดายจริงๆ

ท่านั่งที่รู้สึกแปลกๆไปหน่อยเหมือนไม่ใช่ฮอนด้าที่ปกติแล้วท่านั่งจะเป็นธรรมชาติมาก สำหรับคันนี้ด้วยหุ่นของผมแล้วรู้สึกเหมือนว่าผมจะเป็นส่วนหนึ่งของมอเตอร์ไซค์มากเกินไป ผลก็คือเหมือนจะเข่าจะสูงเกินแล้วรู้สึกอึดอัด ผู้โดยสารหมดสิทธิที่จะเกาะขอบถังน้ำมันหรือขอบเบาะแน่นอนว่าคนโดยสารต้องเกาะคนขับให้แน่นๆ

CB650F ABS Review

การขับขี่

การขับมอเตอร์ไซค์คันนี้ให้ความรู้สึกว่าง่ายและคาดเดาได้ ถือเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับนักบิดหน้าใหม่และผู้ที่เริ่มชำนาญในระดับปานกลาง มอเตอร์ไซค์ CB650F นั้นชอบที่จะเข้าโค้งและตัวถึงก็ทรงตัวได้ดีในทุกสภาวะ การบังคับเลี้ยว การเบรก เปลี่ยนเกียร์ ทุกอย่างทำได้อย่างราบรื่นไม่ต้องกังวลกับมันเลย

ส่วนนักบิดที่ช่ำชองอาจจะพบว่ากันสะเทือนหลังและยางหลังซึ่งเป็น Dunlop D222 นั้นอาจจะทำให้ความเร็วในช่วงเข้าโค้งเหมือนจะทำได้ไม่ดี แต่ก็ยังพอผ่านในสองประเด็น นั่นคือมอเตอร์ไซค์ CB คันนี้คล่องตัวดีที่ความเร็วต่ำ และทรงตัวได้ดีที่ความเร็วสูง

ความรู้สึกกับคลัชนั้นรู้สึกเหมือนจะงุ่มง่ามไปหน่อย ดูเหมือนจะจับช้าไป แต่ก็ไม่ได้ทำให้การเปลี่ยนเกียร์นั้นถึงกับสะดุด ความรู้สึกของเบรกก็คือความเป็น Honda ในลักษณะที่ว่าคุณแทบจะไม่รู้สึกว่ามีอะไรโดดเด่น แต่ก็ทำงานได้ดี

คำตัดสิน

ขับง่ายไม่เสแสร้ง น่าจะเป็นคำนิยามที่เหมาะสมสุด ไม่เพียงแค่เรื่องการควบคุมการขับขี่ แต่น่าจะสื่อถึงภาพรวมทุกด้านของ 2014 Honda CB650F เราอาจจะมองว่าประเด็นนี้เป็นการยกย่องมอเตอร์ไซค์คันนี้นะครับ เนื่องจากว่ามันดูสวยด้วยราคาที่เหมาะสม

มอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง Honda CB650F คันนี้มีมากกว่าการเป็นมอเตอร์ไซค์สำหรับนักบิดหน้าใหม่ และนักบิดที่เริ่มเล่น big bike มาแล้วซักสองสามปี

การสั่นมีให้เห็นบ้าง โดยเฉพาะตรงจุดปิดเปิดคันเร่ง แต่ในแง่ของหุ่นภายนอกแล้วถือว่าเป็นหน้าตาที่ดูเป็นผู้ใหญ่และหล่อเหลาเอาการ กำลังเครื่องยนต์นั้นคาดเดาได้และการขับขี่ไม่ยุ่งยาก ซึ่งก็นับว่าเพียงพอแล้วที่จะทำให้คุณสนุกไปกับการขับขี่ได้ทั้งวัน

ราคาในไทยวางขายอยู่ที่ 285,000 บาท ส่วนในยุโรปราคาอยู่ที่ 6,999 EURO หรือราว 308,000 บาท

ที่มา : http://mocyclover.com/

VDO รีวิว Honda CB500X รถ Touring

Honda CB500X

VDO Review รถจักรยานยนต์ Bigbike ในช่วง Maxx Drive ซึ่งในวันนี้เราจะพาคุณไปทดสอบสมรรถนะของ Bigbike สไตล์ Touring Adventure ยอดฮิต อีกหนึ่งรุ่นจากค่ายปีกนก Bigwing กับ Honda CB500X ที่พร้อมลุยทุกสภาพการขับขี่ ในราคาที่น่าคบหา

Honda CB500X รถ Bigbike 2 สูบ พิกัด 473cc จาก Honda มาพร้อมสีให้เลือก 3 สี แดง ขาว และดำ โดยมีราคาอยู่ที่ 215,000 บาท


ที่มา : http://www.autospinn.com/

เสียชีวิตแล้ว มาซิโม แทมบูรินี นักออกแบบสองล้อชื่อดังจาก Ducati – MV Agusta ในวัย 70 ปี

เมื่อมีการพูดถึงวงการออกแบบรถจักรยานยนต์ เราหลายคนอาจจะไม่รู้จักชื่อของ มาซิโม แทมบูรินี แต่เขาคือนักออกแบบรถจักรยานยนต์ ชื่อดังที่ได้ฝากผลงานไว้ใน Ducati 916 หรือจะเป็น MV Augusta F4 ซึ่ง รถจักรยานยนต์ MV Augusta F4 นั้นขึ้นชื่อว่าเป็นรถรถจักรยานยนต์ที่สวยที่สุดในโลก

มาซิโม แทมบูรินี

Ducati 916

แทมบูรินี เป็นหนึ่งในคนสำคัญในวงการจักรยานยนต์ เขาเป็นผู้ก่อตั้งรถจักรยานยนต์  bimota ในยุค 70  ก่อนที่จะมาก่อตัวศูนย์การวิจัยแคกิว่า ภายใต้ร่วมไทรของ  Ducati ซึ่งช่วยในการออกแบบแบบ Swing Arm  ด้านเดียว รวมถึง ชุดท่อไอเสีย ซึ่งแนวทางการออกแบบส่วนใหญ่ยังใช้มาถึงปัจจุบัน

bimota

แม้ว่าหลายคนจะรู้จักเขาน้อยมากในงานของ Ducati แต่ MV Augusta เป็นค่ายมอเตอร์ไซค์ที่ได้อิทธิพลของ แทมบูรินีอย่างมาก โดยเฉพาะรถ MV augusta F4 รถมอเตอร์ไซค์ที่สวยที่สุดในโลก หรือจะเป็นตัวตนที่มีความเหมือนกันในแบบมอเตอร์ไซค์ทรงเปลือยในรุ่น Brutale ที่มีความงดงามไม่แพ้กัน

MV Agusta MV F4

การเสียชีวิตของแทมบูรินี ถือเป็นอีกครั้งที่วงการยานยนต์ศูนย์เสียบุคลากรสำคัญในวงการ โดยเฉพาะ เพื่อเขาคนนี้เป็นผู้ให้กำเนิดมอเตอร์ไซค์ 2  รุ่นที่มีความสำคัญต่อยุคใหม่ของรถมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่ทั้ง Ducati 916  และ MV Agusta MV F4

ที่มา : http://autodeft.com/

Honda CTX1300 2014 รีวิวการทดสอบ First Ride

Honda CTX1300 2014 Review

Honda ได้วางเป้ามอเตอร์ไซค์แนวทัวร์ริ่งกับมอเตอร์ไซค์ที่มีสไตล์โดดเด่นอย่าง CTX1300 ซึ่งมาพร้อมขุมกำลังแบบ V-Four โดยเป็นทั้งแนว cruiser และ touring โดยกลุ่มเป้าหมายของมอเตอร์ไซค์ Honda CTX คันนี้จะเน้นไปยังนักบิดที่ต้องการประสพการณ์ขับขี่ที่จริงจัง และให้ความสะดวกสะบายในระดับที่สูงกว่าปกติ พร้อมเทคโนโลยีที่ล้ำหน้ากว่าคู่แข่งเจ้าอื่นๆ

มอเตอร์ไซค์ CTX มาพร้อมรูปแบบพิเศษที่หลายๆคนอาจจะสัมผัสไม่ถึง แต่นั่นเพราะมันได้ถูกออกแบบมาเพื่อการนั้น และแม้จะถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มมอเตอร์ไซค์แนวทัวร์ริ่งบนเว็บไซค์ Honda ของอเมริกา ความจริงแล้วชื่อ New-Age Cruiser หรือ cruiser ยุคใหม่น่าจะดูเหมาะสมกว่า และด้วยระยะระหว่างล้อที่เพิ่มขึ้น แฮนด์จับที่กว้างและยื่นมาข้างหลังมากขึ้น รวมถึงเบาะนั่งที่ต่ำมากๆ ก็ถือว่าทุกอย่างทำมาได้ดี

แม้น้ำหนักรถจะหนักถึง 724 ปอนด์ แต่ในการใช้งานจริงๆแล้วมอเตอร์ไซค์ CTX คันนี้ก็นับว่าตอบสนองได้ดี และควบคุมได้ง่ายเมื่อเทียบกับขนาดของมัน การเปลี่ยนทิศทางนั้นทำได้สบายๆเพียงแค่ออกแรงบนแฮนด์เบาๆ และให้ความรู้สึกในการเลี้ยวที่เป็นธรรมชาติมาก ระบบกันสะเทือนก็ให้ความนุ่มนวลในการขับขี่มากแต่บนถนนขรุขระอาจจะรู้สึกถึงการเด้งดึ๋งบ้าง แต่หากมีผู้โดยสารและสัมภาระมาด้วยปัญหานี้ก็อาจจะลดน้อยลง แต่ก็คงต้องบอกไว้ด้วยว่าโช้คหลังนั้นมีที่ให้ปรับค่าพรีโหลดได้ด้วยเพื่อรองรับการบรรทุกที่หนักขึ้น

Honda CTX1300 2014 Review

การเลี้ยวมอเตอร์ไซค์ CTX คันนี้จะให้ความรู้สึกว่าติดดินมากแม้ว่าระยะระหว่างรถกับพื้นนั้นอาจจะน้อยไปหน่อย ด้วยที่วางเท้าเหมือนจะเฉี่ยวพื้นแม้จะเอียงรถไปแค่พอประมาณ แม้ว่าจานเบรกหลังของ CTX นั้นจะเชื่อมโยงกับเบรกหน้า แต่จริงๆแล้วการเริ่มจับเบรกนั้นจะแยกจากกัน ซึ่งถือเป็นเรื่องดีหากคุณต้องการลดความเร็วลงบ้างเวลาเข้าโค้ง

เบรกทั้งสองมีระบบป้องกันล้อล้อคในรุ่นสูงอย่าง Deluxe ในการลองหยุดแบบกระทันหันนั้นพบว่าเบรก ABS ให้ความรู้สึกในการหยุดที่นิ่มนวลมากกว่ามอเตอร์ไซค์คันไหนๆที่เราเคยลองมาก่อน ถือเป็นเรื่องที่น่าประทับใจมาก เราก็ยังรู้สึกดีกับคาลิบเปอร์ล้อหน้าของ Nissin ที่แกร่งแต่ไม่ถึงกับไวเกินไปของมัน

เบาะนั่งของ CTX นั้นกว้างและหนานุ่มพร้อมมีพื้นที่เหลือเฟือด้านหลังแผงควบคุมแม้แต่สำหรับคนตัวสูงก็ตาม ที่วางเท้าของคนขับนั้นอยู่ในตำแหน่งและมุมที่ออกแนว street bike ซึ่งสุดยอดมากสำหรับการขับขี่ในเมือง แต่คงจะเป็นการดีหาก Honda ใส่ที่วางเท้าอีกคู่ไปทางด้านหน้าเพื่อว่าจะได้ยึดเท้าบ้างเวลาขับออกทัวร์บนทางหลวง

แน่นอนว่าทาง Honda ดูเหมือนจะใช้เวลาพอสมควรไปกับการปรับแต่งการเชื่อมโยง CTX กับผู้ใช้ และแผงหน้าปัทว์นั้นดูออกแนวรถยนต์ก็ว่าได้ คุณคงไม่กล้าเถียงหรอกว่ามันทำงานได้ดียังไง ทั้งระบบเข็มวััดความเร็วและวัดรอบนั้นวางอยู่ในตำแหน่งสูงเพื่อที่ว่าคุณจะได้ไม่ต้องละสายตาจากถนนเวลาอ่านค่าที่สำคัญนี้ ระบบจอ LCD แบบมัลติฟังก์ชั่นก็อยู่ระหว่างเข็มแสดงผลทั้งสอง และแสดงข้อมูลน้ำมันที่เหลือของถังขนาด 5.1 แกลลอน พร้อมทั้งอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน อุณหภูมิน้ำระบายความร้อนและอุณหภูมิอากาศ นาฬิกา ตัวเลขไมล์และทริป จอแสดงผลยังแสดงถึงชื่อเพลงและชื่อวง (รุ่น Deluxe) ซึ่งสามารถส่งผ่านแบบไร้สายผ่าน Bluetooth หรือผ่านปลักที่ออกมาในรูปของ USB ซึ่งอยู่ในช่องที่ดึงเปิดได้ใต้ถังจำลองด้านขวา (ถังน้ำมันจริงๆนั้นอยู่ใต้ที่นั่งคนขับ) จุดเด่นๆอื่นๆของรุ่น Deluxe ก็มีทั้งระบบยกเลิกไฟเลี้ยวอัตโนมัติ ระบบ traction control ที่เชื่อมโยงกับแรงบิดเครื่องยนต์ (โดยการตัดการจ่ายน้ำมัน) เมื่อมีการพบว่าล้อหลังหมุนผิดปกติ

Honda CTX1300 2014 Review

เราได้มีโอกาสได้ทดสอบว่า TC ตอบสนองอย่างไรบนถนนที่มีกรวดเยอะๆ และเราก็รู้สึกดีมากถึงการที่มันไปทำให้เครื่องยนต์แผ่วลงและกลับมายึดเกาะถนนเหมือนเดิมด้วยความนุ่มนวลกว่ามอเตอร์ไซค์รุ่นอื่นๆที่เราเคยทดสอบมา

อีกอย่างที่เราประทับใจก็คงเป็นแชซซีของ Honda CTX ที่ได้รับการออกแบบมาอย่างดีให้เข้ากับระบบเครื่องยนต์แบบ V-Four ที่ระบายความร้อนด้วยน้ำ กำลังเครื่องยนต์นั้นเหลือเฟือตั้งแต่หยุดนิ่งไปจนถึงขีดแดงที่ 7,000 รอบต่อนาที พลังก็ออกมาอย่างแรงแต่นิ่มนวล ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณต้องการเวลาจะแซงคันอื่น แท้จริงแล้วช่วงของพลังนั้นเหลือเฟือในทุกความเร็วรอบทำให้คุณสามารถขับขี่ไปด้วยเกียร์ไหนก็ได้ใน 5 เกียร์ที่มีมาให้ แค่เพียงบิดคันเร่งเท่านั้นมอเตอร์ไซค์คันนี้ก็วิ่งเร็วขึ้นแล้ว ขับง่ายมากๆ

ระบบคลัชของมอเตอร์ไซค์ CTX นั้นจะมีระบบไฮดรอลิกค์ซึ่งผลคือคันคลัชนั้นจะเบามากและให้ความรู้สึกในการบีบคลัชที่ดีมาก ทำให้มอเตอร์ไซค์ CTX คันนี้ออกตัวได้อย่างนิ่มนวลมาก ระบบเกียร์ก็ทำงานได้ดี แต่คงจะเป็นการดีหากมันมีระบบการจับเกียร์คล้ายๆกับที่ Harley-Davidson หรือ Yamaha/Star มีให้ ยิ่งไปกว่านั้น เราอยากจะเห็นอัตราเร่งที่ให้ความรู้สึกเร้าใจของระบ Dual-Cluth ด้วย

เครื่องยนต์ของมอเตอร์ไซค์ Honda CTX 1300 คันนี้ยังปราศจากการสั่นที่น่าระอาหรือทำให้มือชา เรายังชอบเสียงของมันที่ดูเหมือนให้โน้ตที่ออกแนวไฮเทคมากกว่าเสียงบูมๆของเครื่องยนต์แบบ V-Twin ทั้วไป การตอบสนองของคันเร่งนั้นเหมือนจะแม่นยำทุกจังหวะ พร้อมทั้งให้ความรู้สึกที่เชื่อมโยงกับเครื่องยนต์ในลักษณะที่เหมาะเจาะไม่ถึงกับไวหรือยากที่จะควบคุมเกินไป อีกอย่างที่ดูดีก็คงเป็นเรื่องที่เครื่องยนต์ได้รับการปรับแต่งให้ใช้กับน้ำมันออกเทนต่ำอย่าง 87 ได้ ในแง่ของการสิ้นเปลืองแล้วเราทำได้ที่เฉลี่ย 37.2 ไมล์ต่อแกลลอนในการขับขี่ความเร็วปานกลางแนวออกทัวร์ ซึ่งต่อน้ำมัน 1 ถังก็น่าจะวิ่งได้ราว 189 ไมล์

โดยรวมแล้วคงไม่มีใครไม่ชอบมอเตอร์ไซค์ Honda CTX1300 คันนี้ แน่นอนว่าระบบกันสะเทือนอาจจะเด้งดึ๋งไปหน่อย แถมยังไม่มีที่วางเท้าด้านหน้ากรณีขับขี่บนทางด่วนยาวๆ นอกจากสองเรื่องที่กล่าวมาแล้วก็แทบจะหาที่ติไม่ได้ แน่นอนว่าด้วยเครื่องยนต์ที่เหมือนจะนิ่มนวลเกินไปของ CTX นั้นอาจจะไม่ดึงดูดนักบิดที่ชอบความรู้สึกการขับมอไซค์แบบ V-Twin รุ่นเก่ามากนัก อย่างไรก็ตามหากคุณกำลังมองหามอเตอร์ไซค์ที่ขับง่าย สนุก ทุกอย่างลงตัวแล้วละก็ เจ้ายักษ์แดงตัวนี้น่าจะตอบสนองท่านได้

ที่มา : http://mocyclover.com/

เปิดตัว Honda CBR 300R มอเตอร์โชว์ 2014

เปิดตัวแล้วสำหรับ Honda CBR 300R ที่พึ่งจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน มอเตอร์โชว์ 2014 โดยมีการปรับแต่งในเรื่องของเครื่องยนต์ จากเดิม 250 CC ปรับขยายขนาดเป็น 300 CC และใช้เครื่องยนต์ PGM-FI แบบ 1 สูบ มีกำลัง 30 แรงม้า แรงบิด 27Nm โดยน้ำหนักตัวของ Honda CBR 300R จะอยู่ที่ 164 กิโลกรัม และในด้านความปลอดภัยก็ได้ให้ ระบบเบรค ABS มาด้วย

Honda CBR 300R

รูปลักษณ์ยังคงเป็นเอกลักษณ์สำคัญ ในการให้ความรู้สึกที่ดูสง่า ยังคงมาพร้อมไฟหน้า Dual Multi Reflector สไตล์ดุดันเดียวกับ CBR1000RR พร้อมกระจกมองข้าง Wing Side Miror และ ท่อไอเสียสปอร์ต และวัสดุซับเสียง

Honda CBR 300R

ตรงหน้าคนขับมาพร้อมไมล์ดิจิตอลที่ให้ความสปอร์ตและปุ่มหยุดการทำงานของเครื่องยนต์เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ ส่วนการขับขี่มั่นใจได้กับระบบกันสะเทือนหลังช่วงล่างหลัง  Pro-Link สามารถปรับระดับ 5 ระดับให้การทรงตัวได้ดีเยี่ยม มั่นใจได้ทุกโค้ง  

Honda CBR300R  ใหม่มาพร้อม  4  สี ให้เลือกได้แก่   สีขาว-แดง ,สีแดง,สีดำ และ ใหม่ล่าสุดกับ สีส้ม-ขาว

Ducati 1199 Superleggera เริ่มเข้าสู่สายการผลิตแล้ว


รายงานข่าวจากประเทศอิตาลี ระบุว่าทาง Ducati ได้มีการเริ่มต้นผลิต เจ้ามอไซค์ Ducati 1199 Superleggera ซึ่งเป็นที่น่าจับตามองเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นรุ่นที่มีน้ำหนักเบาที่มีการพัฒนามากจากรุ่น Panigale

วัสดุต่างๆ ของ Ducati 1199 Superleggera จะเป็นโลหะ แมกนีเซียม ไททาเนียมและคาร์บอนไฟเบอร์ ที่จะทำให้มอเตอร์ไซค์ Ducati 1199 Superleggera เป็นสปอร์ตคันแรกของโลก ที่มีน้ำหนักเบาเพียง 155 กิโลกรัม ขุมพลังถึง 200 แรงม้า



และที่สำคัญ จะมีผู้โชคดีเพียง 500 คนเท่านั้นที่จะเป็นเจ้าของมอเตอร์ไซต์คันนี้ เนื่องจากมีการผลิตจำนวนจำกัด ส่วนสำหรับประเทศไทยของเรานั้น ได้มีการนำเข้ามาเพียง 10 คันเท่านั้น และราคายังเป็นมิตรมากเพียง  4,099,000 บาท

โฉมใหม่ Ducati Diavel ปี 2015 บิ๊กไบค์ Cruiser


เปิดตัวแล้วสำหรับ Ducati Diavel ปี 2015 โดยมีการปรับปรุงในเรื่องของแรงบิดที่เพิ่มมากขึ้น พร้อมกับเครื่องยนต์ตัวใหม่


Ducati Diavel ได้ถูกเปิดตัวที่ Geneva Motor Show โดยรายละเอียดของเจ้า Ducati Diavel ตัวใหม่นี้ ที่แตกต่างจากตัวเก่าก็คือเครื่องยนต์รุ่นใหม่แบบ 2 หัวเทียน ที่มีชื่อว่า Testastretta ซึ่งเป็นเครื่องยนต์รุ่นล่าสุดที่มาพร้อมกับมอเตอร์ไซค์ Monster 1200 ตัวใหม่ อัตราส่วนมากกว่าเดิม จาก 11.5:1 เป็น 12.5:1 และมีการปรับปรุงช่องไอเสียใหม่ พร้อมกับระบบ Cam Timing ที่ทาง Ducati แจ้งว่าเป็นการเพิ่มแรงบิดมากขึ้นที่รอบต่ำ 


Ducati Diavel ปี 2015 ตัวใหม่นี้ มีแรงบิดเพิ่มมากขึ้น จาก 2.2 ปอนด์ฟุต กลายเป็น 96.2 ปอนด์ฟุต แรงม้าสูงสุดอยุ่ที่ 162 แรงม้า โดยตัว Ducati Diavel ปี 2015 นั้นจะมาที่ 9250 รอบต่อนาที แทนที่จะเป็น 9500 รอบต่อนาทีเหมือนเครื่องยนต์ตัวก่อน

และยังมีการปรับปรุงด้านรูปลักษณ์อีกภายนอก ก็จะเป็นไฟหน้าแบบ LED อยู่ในกรอบอลูมิเนียมไม่ยื่นออกมาจากส่วนบนของตะเกียบหน้ามากนัก เหมือนรุ่นก่อนๆ เลนซ์พร้อมไฟ LED สำหรับไฟเลี้ยวด้านหน้ามีการออกแบบใหม่ให้ติดอยู่กับแผงครอบระบายความร้อน แถมยังมีการปรับปรุงหน้าจอ TFT ที่มีการติดตั้งบนถังน้ำมันใหม่  ที่จะมีการแสดงระดับน้ำมันในลักษณะของการเคลื่อนไหว โดยจะมีการกระพริบหากมีน้ำมันน้อยกว่า 0.3 แกลลอนจากถังที่บรรจุได้เต็มที่ 4.5 แกลลอน และยังมีการเพิ่มไฟแสดงของแสตนด์ข้างว่าอยู่ในตำแหน่งไหน

Ducati Diavel นั้นมี 2 รุ่นให้เลือก ได้แก่รุ่น Standard (Dark) ราคา 17,995 เหรียญ และ Diavel Carbon ราคา 20,995 เหรียญ โดยรุ่น Diavel มีให้เลือก 2 สี คือ ดำ-แดง และ ขาว-ดำ โดยในรุ่น Carbon จะใช้ล้อน้ำหนักเบาจาก Marchesini

ไม่ยอมคู่แข่ง Honda เตรียมออก CB250F กับ CB300F มาแข่งกับ Kawasaki

มีข่าวออกมาว่าทาง Honda ได้มีการขอจดสิทธิบัตรการออกแบบรถมอเตอร์ไซค์ ที่มีรูปทรงเป็นรถสไตล์ Naked ขนาด 250 CC กับ 286 CC ในสหภาพยุโรปนั้นเอง ทำให้กูรูมอเตอร์ไซต์ทั้งหลายต่างฟันธงกัน ว่า Honda CB250F และ CB300F จะถูกผลิดออกมาจำหน่ายอย่างแน่นอน

โดยรูปทรงภายนอกของ CB250F และ CB300F ถ้ามองผ่านๆอาจจะมีความคล้ายคลิงกับ CB500F มาก แต่เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับ CBR 250R ที่ถูกถอดแฟริ่งออกแล้ว จะพบเลยว่ามีความเหมือนในส่วนของเฟรม เครื่องยนต์ และช่วงล่างอยู่พอสมควร

โดยคาดกันว่า CB250F และ CB300F ที่มีขนาด 250 CC และ 286 CC จะถูกขายในบางประเทศ โดยอาจจะมีการจำหน่ายทั้ง 2 รุ่น หรืออาจจะแค่รุ่นเดียวเท่านั้น เพื่อให้เข้ากับกฎหมายในประเทศนั้นๆ

ส่วนเมืองไทยว่ากันว่านะเป็นฐานผลิตรถทั้ง 2 รุ่นนี้
มีลุ้นอย่างแน่นอน


Honda CB250R แบบถอดแฟริ่ง